ในยุคที่ใคร ๆ ก็หันมาใส่ใจสุขภาพ เต้าหู้กลายเป็นวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะอุดมไปด้วยโปรตีนจากพืช ไขมันต่ำ ย่อยง่าย และยังมีคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะเต้าหู้สไตล์ญี่ปุ่นอย่างเต้าหู้คินุ และเต้าหู้โมเมน ซึ่งหลายคนอาจคุ้นชื่อแต่ยังไม่รู้ว่าแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกทานอย่างไรให้เหมาะกับเมนูและวัตถุประสงค์ทางสุขภาพ
เต้าหู้คินุ คืออะไร
เต้าหู้คินุ (Silken Tofu) หรือที่มักเรียกว่า เต้าหู้นิ่ม เป็นเต้าหู้ประเภทหนึ่งที่มีลักษณะเนื้อสัมผัสที่เนียนละเอียด ลื่น และนุ่มละมุนลิ้น ผลิตโดยใช้กรรมวิธีที่แตกต่างจากเต้าหู้ชนิดอื่นตรงที่ ไม่ผ่านการบีบน้ำส่วนเกินออก ซึ่งทำให้เต้าหู้ยังคงความชุ่มชื้น และความชื้นภายในเนื้อไว้ได้ในระดับสูง ส่งผลให้เต้าหู้คินุมีความเปราะบางมากกว่าเต้าหู้แข็ง และแตกหักได้ง่าย ทั้งในระหว่างการหั่น การขนย้าย หรือแม้แต่ขณะปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูง
นอกจากนี้ เต้าหู้คินุยังเป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์ หรือกำลังควบคุมน้ำหนัก โดยยังคงได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น โปรตีน ไอโซฟลาโวน แคลเซียม และธาตุเหล็ก สามารถทำอาหารได้หลากหลาย เหมาะสำหรับคนที่ชอบเต้าหู้ที่มีลักษณะนุ่ม เนื้อเนียนละเอียด
เต้าหู้โมเมน คืออะไร
เต้าหู้โมเมน (Firm Tofu) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า เต้าหู้แข็ง เป็นเต้าหู้ที่มีเนื้อสัมผัสแน่นกว่าชนิดอื่น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเต้าหู้คินุ (เต้าหู้นิ่ม) ซึ่งมีลักษณะเนื้ออ่อนนุ่มกว่า เต้าหู้ชนิดนี้ผ่านกระบวนการผลิตที่เรียกว่าการบีบน้ำ (Pressing) ซึ่งหมายถึงการนำเต้าหู้ที่จับตัวแล้วไปบีบเอาน้ำส่วนเกินออก ทำให้เนื้อเต้าหู้มีความแน่น หยาบขึ้นเล็กน้อย และมีความแข็งขึ้น ส่งผลให้เต้าหู้โมเมนสามารถคงรูปได้ดี ไม่แตกหักง่ายระหว่างการปรุงอาหาร แม้ใช้ความร้อนสูงหรือผ่านการปรุงอาหารระหว่างการผัด ต้ม และทอด
นอกจากความหลากหลายในด้านการใช้งานแล้ว เต้าหู้โมเมนยังคงเป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ดีเช่นเดียวกับเต้าหู้ชนิดอื่น โดยให้โปรตีนสูง ไขมันต่ำ และย่อยง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์หรือควบคุมปริมาณไขมันในการบริโภค ข้อควรระวังคือ เต้าหู้โมเมนแม้จะคงรูปได้ดี แต่หากถูกทอดหรือผัดนานเกินไปก็อาจสูญเสียความชุ่มฉ่ำภายใน จึงควรระวังระดับความร้อน และระยะเวลาในการปรุง
ความแตกต่างระหว่างเต้าหู้คินุ และเต้าหู้โมเมน

แม้ว่าเต้าหู้คินุ และเต้าหู้โมเมนจะทำมาจากวัตถุดิบหลักเดียวกันคือถั่วเหลือง แต่ความแตกต่างในกระบวนการผลิตทำให้ทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันชัดเจน ทั้งในด้านเนื้อสัมผัส รสสัมผัส และการนำไปปรุงอาหารในเมนูต่าง ๆ
1. เนื้อสัมผัส และความชุ่มชื้น
เต้าหู้คินุมีเนื้อสัมผัสที่เนียน ละเอียด และชุ่มน้ำสูง เนื่องจากไม่ผ่านกระบวนการบีบน้ำส่วนเกินออก ทำให้เนื้อเต้าหู้มีความนุ่ม เนื้อเนียนละเอียด เต้าหู้โมเมนมีเนื้อสัมผัสที่แน่น หยาบขึ้นเล็กน้อย และมีความแข็งกว่า เพราะผ่านการบีบน้ำออกบางส่วน ทำให้สามารถทนต่อการปรุงที่ใช้แรงหรือความร้อนได้ดี ไม่เละง่าย
2. ความเหมาะสมในการนำไปทาน
เต้าหู้คินุเหมาะกับเมนูที่เน้นความนุ่มละมุน เช่น
- ซุปใส (เช่น ซุปมิโสะ)
- เต้าหู้เย็น (Hiyayakko)
- เมนูสุขภาพ หรือราดซอสเย็น ๆ เช่น โชยุ น้ำมันงา
เต้าหู้โมเมนเหมาะกับเมนูที่ต้องการความเเน่นของตัวเนื้อเต้าหู้ เช่น
- เต้าหู้ทอด
- ผัดเปรี้ยวหวาน
- เต้าหู้ทรงเครื่อง
- นึ่งราดซอส หรือแกงจืดที่ต้องการให้เต้าหู้คงรูป
3. รสสัมผัส และการนำเสนอ
เต้าหู้คินุให้รสสัมผัสเบา ละมุน และละลายในปาก เหมาะสำหรับเมนูเรียบง่ายที่ต้องการดึงรสธรรมชาติของเต้าหู้ และน้ำซุปออกมา ขณะที่เต้าหู้โมเมนให้รสสัมผัสหนักแน่น เคี้ยวเต็มคำ เหมาะสำหรับจานหลักที่ต้องการความเด่นชัดของตัวเนื้อ เช่น เต้าหู้ผัดเผ็ด หรือเต้าหู้ใส่ในข้าวกล่อง
4. เคล็ดลับการเลือกทาน
เคล็ดลับการเลือกทานเต้าหู้อยู่ที่การเลือกให้เหมาะกับความต้องการ หากต้องการความเบาสบาย ย่อยง่าย เหมาะกับผู้สูงอายุ เด็ก หรือเมนูสุขภาพ ควรเลือกเต้าหู้คินุ แต่หากต้องการความหลากหลายในการปรุง ไม่ว่าจะเป็นการหมัก ย่าง หรือทอด แนะนำให้เลือกเต้าหู้โมเมน
5. คุณค่าทางโภชนาการ
ทั้งเต้าหู้คินุ และโมเมนให้โปรตีนคุณภาพดีจากพืช ย่อยง่าย และไขมันต่ำ เต้าหู้คินุมีน้ำมากกว่า จึงให้พลังงานน้อยกว่าต่อน้ำหนัก ในขณะที่เต้าหู้โมเมนเป็นเต้าหู้ที่มีการบีบอัดน้ำออกไป มีปริมาณถั่วเหลืองมากกว่า จึงให้โปรตีน และพลังงานสูงกว่านิดหน่อย โดยรวมแล้วทั้งสองชนิดเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มโปรตีนในอาหารประจำวันโดยไม่ต้องพึ่งพาเนื้อสัตว์
รวมประโยชน์ดี ๆ ของเต้าหู้ที่หลายคนอาจไม่รู้

เต้าหู้เป็นอาหารที่ไม่เพียงให้โปรตีนจากพืชในปริมาณสูงเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพในหลายด้าน ทั้งในเรื่องของการควบคุมโรค การบำรุงร่างกาย และการป้องกันภาวะเรื้อรังต่าง ๆ ต่อไปนี้คือประโยชน์ที่โดดเด่นของเต้าหู้ ซึ่งหลายคนอาจยังไม่ทราบ
1. ช่วยลดระดับน้ำตาล และอินซูลินในเลือด
เต้าหู้เป็นอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low Glycemic Index) จึงไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็วหลังรับประทาน เหมาะสำหรับผู้ที่
- เป็นเบาหวาน
- มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน
- ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
2. ช่วยควบคุมน้ำหนัก และลดไขมัน
โปรตีนจากถั่วเหลืองในเต้าหู้เป็นโปรตีนที่ย่อยช้า และช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน จึงช่วยลดความอยากอาหาร และควบคุมปริมาณพลังงานโดยรวมได้ดี นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น
- มีไขมันต่ำ
- ไม่มีคอเลสเตอรอล
- เหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก หรืออยู่ในช่วงลดน้ำหนัก
3. บำรุงกระดูกให้แข็งแรง
เต้าหู้เป็นแหล่งของแคลเซียม แมกนีเซียม และโปรตีนจากพืช ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก และฟัน ประโยชน์ด้านนี้เหมาะสำหรับ
- ผู้สูงอายุที่ต้องการป้องกันโรคกระดูกพรุน
- เด็ก และวัยรุ่นในช่วงที่กระดูกกำลังเจริญเติบโต
- ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ ซึ่งอาจไม่ได้รับแคลเซียมจากนม
4. ช่วยลดความดันโลหิต
เต้าหู้มีสารอาหารที่ช่วยควบคุมความดันโลหิตให้สมดุล เช่น
- โพแทสเซียม ซึ่งช่วยลดแรงต้านในหลอดเลือด
- ไอโซฟลาโวน (Isoflavones) จากถั่วเหลือง ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และช่วยให้หลอดเลือดยืดหยุ่นดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูง หรือมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และหลอดเลือด
วิธีเก็บรักษาเต้าหู้ให้สดได้นาน
เต้าหู้เป็นวัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็เป็นอาหารที่เสียง่ายเนื่องจากมีปริมาณน้ำสูง และไม่มีสารกันเสีย ดังนั้นการเก็บรักษาอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อคงคุณภาพ รสชาติ และความปลอดภัยในการบริโภค เต้าหู้ทุกชนิดควรเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 0–5 องศาเซลเซียส และควรบริโภคภายใน 1–2 วันหลังเปิดบรรจุภัณฑ์ หลีกเลี่ยงการแช่แข็ง เพราะจะทำให้เนื้อเต้าหู้เสียสัมผัส
- เต้าหู้คินุต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะเนื้อเปราะง่าย ควรหลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายแรง ๆ
- เต้าหู้โมเมนสามารถเก็บในลักษณะเดียวกันได้ แต่ทนต่อการเคลื่อนไหวหรือการวางซ้อนมากกว่า
แนะนำผลิตภัณฑ์เต้าหู้จาก Ohayo
Ohayo เต้าหู้คุณภาพที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในครัวทุกวัน ทั้งสะดวก และอร่อย Ohayo เต้าหู้คินุ มีเนื้อเนียนนุ่ม ละลายในปาก เหมาะสำหรับเมนูที่เน้นความละมุน เช่น ซุปใส เต้าหู้เย็น หรือของหวานต่าง ๆ ขณะที่ Ohayo เต้าหู้โมเมน มีเนื้อแน่น คงรูปได้ดี เหมาะสำหรับเมนูผัด ทอด หรืออาหารที่ต้องการความแข็งแรงของเนื้อเต้าหู้ ทั้งสองชนิดผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพ และบรรจุในแพ็กเกจที่สะดวกต่อการเก็บรักษา สามารถสั่งซื้อออนไลน์ หรือหาซื้อได้ง่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป
เต้าหู้คินุ และเต้าหู้โมเมนต่างมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่เหมาะกับการนำไปประกอบอาหารต่างกัน เต้าหู้คินุเนื้อนุ่มละมุน เหมาะสำหรับเมนูเบา ๆ อย่างซุปใสหรือเต้าหู้เย็น ขณะที่เต้าหู้โมเมนมีเนื้อแน่น คงรูปได้ดี เหมาะกับการผัด ทอด หรือนึ่งโดยไม่เละง่าย ทั้งสองชนิดล้วนดีต่อสุขภาพ ให้โปรตีนสูง ไขมันต่ำ และสามารถเลือกทานได้ตามลักษณะเมนู เพื่อให้มีมื้ออาหารที่อร่อย และดีต่อร่างกายไปพร้อมกัน